NOW PLAYING

NEXT SONG

ซีรีส์ลูกผู้ชาย ตอน ปัทม์

Mar 08 09:03:49, 2019 / ดู 1,329 ครั้ง

 
“ปัทม์” ก้าวเข้าสู่เจ้าของธุรกิจน้ำดื่มสมุนไพร ‘ไฟท์’ ผู้ที่กำลังประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจ 
“กว่าผมจะมาถึงวันนี้ได้ ผมโตขึ้นมาพร้อมกับคำด่าว่าผมเป็นลูกกะหรี่ครับ”
......................
 
ชีวิตในวัยเด็กของปัทม์เรียกได้ว่าติดลบ เป็นเด็กกำพร้าถูกทิ้งอยู่ในบึงบัว  จนกระทั่ง “ลินจง”(ขวัญฤดี กลมกล่อม) หญิงขายบริการที่กำลังปลิดชีพตัวเอง ระหว่างนั้น “ลินจง”ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ จึงเดินไปตามเสียงร้องและพบเด็กน้อยถูกทิ้งในกะละมังลอยติดกอบัว มันคงเป็นชะตาชีวิตของสองแม่ลูก ชีวิตของเราไม่ควรจบลงเพียงเพราะคนชั่วที่ทิ้งเราไว้  จึงตัดสินใจเก็บปัทม์มาเลี้ยง พร้อมตั้งชื่อให้ว่า “ปัทม์”(นัทธวัชร์ แก้วบัวสาย) ที่มีความหมายแปลว่า “ดอกบัว” แต่ด้วยอาชีพของ “ลินจง”นั้น ทำให้ “ปัทม์”เติบโตขึ้นมาในซ่อง ในสลัม 
“ลินจง”เลี้ยงดู “ปัทม์”อย่าง สองแม่ลูกรักกันมาก แม้ไม่ได้ผูกพันกันทางสายเลือด “ปัทม์” ถูกล้อว่าเป็นลูกกะหรี่มาตลอด “ปัทม์”ทำงานพิเศษหลายอย่างตั้งแต่ไปช่วย “ป้าแป้น”ขายน้ำในงานวัด  “หนูตุ่น”(ศรัญยา จำปาทิพย์) ถูกนั่งร้านพันสายไฟล้มทับทุกคนต่างกลัวไฟช็อตจนไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย “หนูตุ่น” มีเพียง “ปัทม์” คนเดียวเท่านั้นที่กล้าเสี่ยงเข้าไปช่วยจน “หนูต่น”ปลอดภัย “ครูอัญ”( เพชรดา เทียมเพ็ชร)แม่ของ “หนูตุ่น” ตอบแทนน้ำใจ “ปัทม์”ด้วยเงินจำนวนหนึ่ง แต่ “ปัทม์”ไม่ขอรับเพราะช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทน  ทำให้ “หนูตุ่น”ประทับใจในตัว “ปัทม์”         
 
“ลินจง” เจอลูกค้ากลัดมัน มีทั้งรอยกัดรอดช้ำตามตัว อาบน้ำร้องไห้ไปด้วยความสงสารตัวเอง “ปัทม์”เห็นแม่มีร่องรอยเหมือนถูกทำร้ายมา กลุ้มใจนอนไม่หลับสงสารแม่อยากให้แม่เลิกอาชีพนี้   “ปัทม์”ถูกพักการเรียนเพราะไปต่อยเพื่อนนักเรียน ที่ไปเที่ยวซ่องและล้อว่าแม่เป็นกะหรี่ “ปัทม์” ไปทำงานล้างจานที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยว  เฮียเจ้าของร้านอึ้งไปที่รู้ว่าปัทม์เป็นลูกของ “ลินจง”  เฮียโยนความผิดให้ “ปัทม์” เป็นคนแนะนำตนให้ “ลินจง” เมียร้านก๋วยเตี๋ยวจึงด่าทอ “ปัทม์”สารพัด ดูถูกว่าเป็นลูกกะหรี่ “ลินจง”กับ “สมพร”(  สโรชา วาทิตตพันธ์) ทราบข่าวจึงตามมาอาละวาดร้านก๋วยเตี๋ยวพัง จากคนที่ไม่รู้ว่า “ปัทม์” เป็นลูกกะหรี่ จนเลยได้รู้กันทั้งตลาด!!! “ลินจง” เสียใจที่ทำให้ลูกรู้สึกไม่ดี “ปัทม์”ไม่โกรธแม่ “ลินจง”กลัวมันจะเป็นตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต  ตัดสินใจเลิกอาชีพนี้สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ด้วยความตื้นตัน...แต่เรื่องราวมันไม่จบง่ายๆ เจ้าของบ้านเช่าที่รู้ว่าลินจงเป็นกะหรี่ก็มาไล่สองแม่ลูกออกจากบ้าน!!!  สองแม่ลูก มาหยุดที่บ้าน “สมพร” โสเภณีที่รักและนับถือกันกับ “ลินจง” 
 
 “ปัทม์”และ “ลินจง” เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการทำขนมไทยขายในตลาด แต่เหมือนตลาดจะไม่ใช่ที่ของอดีตโสเภณี บรรดาแม่ค้าต่างออกมาขับไล่ ให้ไปขายของที่อื่น “ปัทม์” เสียใจที่ทุกคนขับไล่แม่ทั้งที่ต้องการทำมาหากินสุจริต 
 
 
“ปัทม์” ได้กลยุทธ์การขายจาก “สมพร” เทเงินหมดประป๋องทำขนมและเอาไปแจกให้ทุกคนได้ชิมฟรี  และแล้วโชคก็เข้าข้าง เมื่อทุกคนได้ชิมขนมอร่อย จนทำขายกันแทบไม่ทัน  ครูอัญหาทางช่วยให้ลินจงได้เข้ามาขายขนมในโรงเรียน และทำให้ปัทม์กลับเข้ามาเรียนหนังสืออีกครั้ง 
 
ชีวิต “ปัทม์” ได้เดินทางเข้าสู่โลกสีดำเมื่อได้พบกับ “เฮียเล้ง”เจ้าของโรงน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุด “เฮียเล้ง”เสนอให้ปัทม์ไปช่วยงานโดยใช้เวลาหลังเลิกเรียน  โรงน้ำแข็งคือธุรกิจบังหน้า โลกสีดำที่ “ปัทม์” ไม่เคยคิดเลย ว่าจะถลำเข้าไปเพราะความนับถือ เฮียเล้ง(ประกาศิต โบสุวรรณ)  ธุรกิจที่เฮียกำลังทำอยู่ตอนนั้นคือ  การเรียกค่าคุ้มครองจากทุกซ่องในย่านนี้  โดยร่วมมือกับสารวัตรภักดี ซ่องไหนไม่ให้ความร่วมมือก็จะถูกตำรวจก่อกวนหนัก “ ปัทม์”ทำงานดึกจนอ่อนเพลียหลับในเรียน ขายของก็หลับจนทุกคนเป็นห่วง “ปัทม์”ไม่กล้าบอกใครได้แต่บอกว่าโรงงานน้ำแข็งเร่งผลิต  “ลินจง”ป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล ค่ารักษาจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก เฮียเล้งดูแลให้ทั้งหมด “ปัทม์”จึงไม่มีทางเลือกเลิกคิดที่จะออกจากใต้ปีกของเฮียเล้ง   “ เฮียเล้ง” มอบกุญแจเซฟที่ซ่อนเงินไว้ให้ “ปัทม์”ไปตั้งตัว  บรรดาซ่องต่างๆ ที่โดนคุกคามรวมตัวกันจ้างมือปืนฆ่าสารวัตรภักดี และตามประกบยิงเฮียเล้ง  การตายของเฮียเล้งถึงแม้”ปัทม์”จะเสียใจ แต่ก็ดีใจล้างมือจากวงจรโสมม   “สมพร”ดีใจกับ “ปัมท์”และ “ลินจง”ที่จะสบายได้ไปสร้างชีวิตใหม่ แต่ “ปัมท์”เลือกที่จะคืนทุกอย่างให้กับ “เดือนกนก”(กรรวี แก้วกอ)ลูกสาวเฮียเล้ง   “ปัทม์” หันหลังให้กับโรงน้ำแข็ง และตั้งใจจะทำขนมและเรียนให้จบ
 
“ปัทม์”ตัดสินใจเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย และแล้วชีวิตที่เหมือนจะดี กลับเข้าสู่การเริ่มต้นนับเวลาถอยหลังในการที่”ปัทม์” กับแม่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน”   “สถิตย์” (โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว) หอบลูกมาขอยืมเงิน “ลินจง” “ปัทม์”จำได้แม่นว่าคือ “สถิตย์” แฟนเก่าของแม่ที่ไม่ทำมาหากินอะไร  กินเหล้าเมาซ้อมทุบตีลินจง “ลินจง”ตามไปทวงเงิน “สถิตย์”ไม่ยอมคืนจึงไปทวงกับเมียของ”สถิตย์”   “ สถิตย์”โกรธแค้นลินจงมากตามมาเอาเรื่องจนถูก “สถิตย์”ใช้มีดแทง “ ลินจง” ถูกนำส่งโรงพยาบาล “ลินจง”เฝ้ารอ “ปัทม์” แต่สุดท้ายปัทม์ได้แต่วิ่งเข้าไปกอดร่างอันไร้วิญญาณที่ดับลง ปัทม์สติหลุดจนเจ้าหน้าที่ต้องมาควบคุมตัว ความโศกเศร้าของ “ปัทม์”ทำให้ทุกคนเป็นห่วง หมดอาลัยตายอยากกับชีวิตโลกทั้งใบของเค้ามืดดับลงเช่นกัน   
 
 
สมพรเลิกทำอาชีพโสเภณี สมพรปลูกสมุนไพรไว้รอบบ้านใช้รักษาตัวเองมาเป็นเวลานาน หลังจากเสียลินจงก็มีแต่สมพรที่คอยดูแลปัทม์ทุกอย่าง สมพรมีแฟนใหม่ ปัทม์เห็นภาพของ “สมพร”กับ “เดวิด”(คริสโตเฟอร์ เชฟ) สวีทกันจน”ปัทม์”รู้สึกเป็นส่วนเกิน จึงตัดสินใจเขียนจดหมายลา ตัดสินใจจะไปอยู่กับลินจง...... “หนูตุ่น” ตามไปห้ามคำพูดของ “หนูตุ่น” กระแทกเข้าไปในใจ จน “ปัทม์คิดได้อีกครั้ง...    “ปัทม์”ตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง แต่”ครูอัญ”ขอให้ “ปัทม์”ไปอยู่ด้วยกัน “ปัทม์”ช่วยดูแล “หนูตุ่น”และช่วยขายของ  “ปัทม์”คอยไปรับไปส่ง “หนูตุ่น”ทุกวันที่มหาวิทยาลัย จน “ปัทม์”ขึ้นปี4  “หนูตุ่น”ถูกเพื่อนแซวที่มี “ปัทม์”มาส่งทุกวัน จนปัทม์รู้สึกอึดอัด “หนูตุ่น”แอบงอนที่เห็น”ปัทม์”สนิทกับ “รสสุคนธ์” (กฤษณ์สิรี สุขสวัสดิ์)    
 
“ปัทม์”ไปเยี่ยมสมพรที่ย้ายไปทำไร่สมุนไพรที่เชียงราย โชคดีที่ “เดวิด”สานฝันสมพรให้เป็นจริง “ ปัทม์”ตะลึงที่เห็น “สมพร”ปลูกสมุนไพรได้มากขนาดนี้และมั่นใจว่าในอนาคตคนจะหันมาสนใจมันมากขึ้น “สมพร”ช่วยเรื่องการศึกษาของปัทม์จนจบ “ปัทม์”ทดลองเอาสมุนไพรที่สมพรให้มาทำน้ำสมุนไพรขายที่ร้านแต่ก็ขายไม่ออก “หนูตุ่น” กับ “ปัทม์”ต้องช่วยกันกินเองจนพุงกาง และช่วยกันเอามาแจกฟรี ชีวิตที่เหมือนจะไปดีกับถูกติฉินนินทาจากกลุ่มชาวบ้านว่าเป็นลูกกะหรี่อยากยกระดับเป็นลูกเขยครู คำนินทาจากชาวบ้านยิ่งทำให้ระยะห่างของ “ปัทม์”กับ “หนูตุ่น”เพิ่มมากขึ้น “ปัทม์” เหินห่างกับ “หนูตุ่น” จนทะเลาะกัน “หนูตุ่น”รับรู้ได้ถึงความเหินห่างของ “ปัทม์”  “ปัทม์”ไปปรึกษา “รสสุคนธ์”  ไม่สบายใจที่จะอยู่บ้าน “ครูอัญ”อีกต่อไปแล้วถึงแม้ “ครูอัญ” จะมีบุญคุญต่อ “ปัทม์” มาก แต่ก็ไม่อยากให้ใครมองว่าเกาะบ้านนี้กิน   “ปัทม์” ไล่หาสมัครงานทุกที่แต่ก็ไม่มีใครเรียก จน “รสสุคนธ์” แนะนำให้ “ปัทม์”ไปสมัครบริษัทเดียวกัน “ปัทม์”ดีใจที่ได้ทำงานกับ “รสสุคนธ์” ทั้งคู่รู้สึกดีต่อกัน    แต่ “ปัทม์”ก็ต้องเจอจุดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อเจอ “สมพร” แจ้งข่าวร้าย “เดวิด”เสียชีวิตแล้ว อยากให้ “ปัทม์”ไปอยู่ด้วยกันที่เชียงราย “ “ปัทม์”กังวลใจไม่รู้จะเลือกตัดสินใจทางไหน “ปัทม์”ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ “สมพร”โดยไม่บอกลา “หนูตุ่น”  หนูตุ่นร้องไห้เสียใจมาก ส่วน “รสสุคนธ์”โกรธมากที่ “ปัทม์”ไม่ยอมทำงานทำให้ตนเองเสียหน้า และอาจพลาดโอกาสในการทำงานไปด้วย จนความสัมพันธ์จบลงทั้งที่อาจจะได้เป็นแฟนกันแล้ว.....
 
“ปัทม์”มาถึงไร่ของ “สมพร"สวนสมุนไพรที่ “สมพร”ได้สร้างมันขึ้นและเห็นความสุขภายใจผ่านสายตาของสมพร “สมพร”พาปัทม์เดินดูสมุนไพรแต่ละชนิด โดยที่ไม่รู้ว่าวันหนึ่งมันจะมีค่ามากกว่าทอง  “ปัทม์”เรียนรู้การทำเกษตรและทำน้ำสมุนไพร ด้วยความตั้งใจ “ปัทม์”เขียนจดหมายไปหา “หนูตุ่น” แต่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ เพราะ “หนูตุ่น”ยังคงโกรธที่จากมาโดยไม่ลาและไม่เคยคุยกับ “ปัทม์”อีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 
 
 
9 ปีผ่านไป “ปัทม์”ในวัยที่โตขึ้นยังยังปลูกต้นไม้ทุกวัน โดยมีคนงานมาช่วยเพิ่มขึ้น คือ “เอ้” (ชาเคอลีน มึ้นซ์)กับมิ่ง(กรวิชญ์  สูงกิจบูลย์) ญาติของ “อ้ายคำ”(ถนอม สามโทน) ที่ทุกคนต่างก็รัก “ปัทม์” โดยเฉพาะเอ้สาวน้อยเมืองเหนือที่หลงรักปัทม์แบบหนุ่มสาว  “สมพร”แข็งแรงขึ้นมากด้วยสมุนไพรที่ปลูกและมีโอกาสได้แบ่งปันเพื่อนบ้าน  “รสสุคนธ์”ปรากฎตัวอีกครั้งที่ไร่ของ “ปัทม์”  สร้างความประหลาดใจให้ปัทม์ ปัทม์มีอาการเคอะเขินรสสุคนธ์ จนทุกคนเดาว่าคือแฟนปัทม์  
 
แต่แล้ว...ก็เหมือนฟ้าเล่นตลกกับ “ปัทม์”อีกครั้ง ระหว่างที่ “สมพร”กำลังข้ามถนน มีรถยนต์พุ่งเข้ามาชนร่างของ      “สมพร”กระเด็นไปต่อหน้า “สมพร”ไม่ได้สติเป็นอีกครั้งเป็นอีกครั้งในชีวิตที่ “ปัทม์”ต้องเผชิญวิกฤติ หลังจากผ่าตัดใหญ่ “สมพร”ก็ยังไม่ฟื้น “ปัทม์”เสียใจมากและคอยเฝ้า “สมพร”โดยมี “รสสุคนธ์”คอยให้กำลังใจ ภาพในหลายๆเหตุการณ์ที่  “สมพร” คอยทำทุกอย่างให้ “ปัทม์”ลอยเข้ามาในหัว  หลังจากสูญเสีย “สมพร” “ปัทม์”ก็อยู่ในอาการเสียศูนย์ละทิ้งทุกอย่าง จะขายไร่ทิ้งจนทะเลาะกับ “อ้ายคำ” ทุกคนเสียใจกับการตัดสินใจของ “ปัทม์”
 
“หนูตุ่น” กลับเข้ามาในชีวิตของ “ปัทม์”อีกครั้ง และคอยให้สติ “ปัทม์” ให้ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งและตั้งเป้าหมายในชีวิต ปัทม์ขอโทษ อ้ายคำ เอ้ มิ่ง ขอร้องทุกคนให้กลับมาช่วยกันอีกครั้ง ปัทม์จะสานฝัน “สมพร”ให้เป็นจริง ปัทม์ตัดสินใจออกหาประสบการณ์การทำงานอีกครั้ง คนแรกที่ปัทม์นึกถึงคือรสสุคนธ์ ที่ทำบริษัทน้ำอัดลม รสสุคนธ์ฝากงานให้ปัทม์ และย้ายมาเช่าบ้านอยู่เอง “หนูตุ่น”งอนที่ปัทม์ไม่ยอมบอก ปัทม์เข้าทำงานในบริษัทน้ำอัดลม TK ของ “ไตรคุณ” ในตำแหน่งฝ่ายขาย โดยมี “รสสุคนธ์”และ “ทยุต” คอยช่วย บริษัทกำลังมีปัญหา “ไตรคุณ” ยึดติดกับความสำเร็จแบบเดิมๆ “ไตรภพ” ลูกชายที่ไม่อยากสานต่อธุรกิจ “ปัทม์” เสนอกิจกรรมส่งเสริมการขายโดยมี “รสสุคนธ์” คอยช่วย “ปัทม์”เรียนรู้การทำการตลาดจาก “รสสุคนธ์”และ “ทยุต” เข้าออกร้านค้าร้านนั้นร้านนี้ จนยอดขายพุ่งสร้างผลงานดี ทั้งที่ทำงานได้ไม่นาน “ไตรคุณ” ตัดสินใจยกตำแหน่งผู้บริหารคนใหม่ให้กับ “ปัทม์”  “ปัทม์”ต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างมาก “ปัทม์” กุมมือ “รสสุคนธ์”ที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆกัน “หนูตุ่น”ยังโกรธปัทม์ที่หายไปเลย หนู่ตุ่นมุ่งมุ่นในการทำร้านขนมไทยให้ดูทันสมัยขึ้น โดยมี “อารักษ์”เพื่อนสนิทที่มีใจให้กับ “หนูตุ่น” คอยช่วยเหลือทุกอย่าง   ปัทม์แอบตึงๆที่เห็นอารักษ์และหนูตุ่นสนิทสนมกันแอบหึง ส่วนหนูตุ่นเองก็แอบหึงรสสุคนธ์กับปัทม์ 
 
 
“ทยุต”คอยคิดโปรเจคต่างๆ ให้กับน้ำอัดลมจนยอดขายพุ่งขึ้นเรื่อยๆ จึงปล่อยให้ “ทยุต”ทำตามใจ “ ปัทม์”รู้สึกเจอปัญหาขัดแย้งกับตนเอง เป็นผู้บริหารที่ไม่มีอำนาจ  ยอดขายพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ “ปัทม์”ทนไม่ได้ที่จะเห็นสุขภาพของเด็กแย่ลงเพราะน้ำอัดลมที่มีแต่น้ำตาล เริ่มมีปัญหากับหลายฝ่ายในที่ประชุม  “ปัทม์”ผิดหวัง คนเดียวที่คิดถึงคนแรกคือ”หนูตุ่น” หนูตุ่นยุ่งกับการทำขนมที่มีออเดอร์เพิ่มมากขึ้น ปัทม์รู้สึกเหมือนตัวคนเดียวอีกครั้ง  หนูตุ่นเหนื่อยแต่มีความสุขแตกต่างจากตัวปัทม์เองที่เหนื่อยแต่มีความทุกข์    
 
บริษัทน้ำอัดลม TK ถูกโจมตีหนักจนยอดขายตกร้านค้าคืนสินค้า ทยุตขอโทษที่ไม่ฟัง “ปัทม์”พร้อมกับ บอร์ดบริหารที่พากันลาออก “ ทยุต”กับ “รสสุคนธ์” แอบลงขันกับเปิดบริษัทใหม่ “ปัทม์”ผิดหวังในตัว “รสสุคนธ์”
 
“ปัทม์”ได้หลักฐานว่า”รสสุคนธ์”ร่วมมือกับทยุตโกงบริษัท ล็อบบี้พนักงานเก่าออกไปทำบริษัทที่ตัวเองร่วมกันต่อตั้ง หลอกใช้ปัทม์เป็นเครื่องมือ  “ปัทม์”ที่กำลังผิดหวังกับชีวิตขังตัวเองไว้กับความเศร้า หมดอาลัยตายอยากในชีวิต หนูตุ่นสารภาพรัก “ปัทม์”และจะไม่ทิ้ง “ปัทม์”ไปไหน “ปัทม์”เองก็สารภาพรัก “หนูตุ่น” เป็นอีกครั้งในชีวิตที่หนูตุ่นมาฉุดเค้าก็ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง  
 
 
หนูตุ่นจุดประกายให้ปัทม์ลุกขึ้นมาทำน้ำดื่มสมุนไพรอย่างจริงจังอีกครั้ง  น้ำสมุนไพรยี่ห้อ “Fight “ปัทม์ขอเทหมดหน้าตักสำหรับงานนี้...ชีวิตที่ล้มแล้วล้มอีกของ “ปัทม์”จะลุกขึ้นมายืนหยัดได้อย่างไร
 
“ปัทม์ บุญวิจักษ์” ผู้พร้อมจะเปิดเผยเรื่องราวของตนเองให้คนอื่นได้รู้ว่าคนเรา “แม้จะเกิดมากับโชคชะตาที่มืดมน ก็สามารถจะก้าวเดินตามทางที่มุ่งหวังได้”